หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 : ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับศาสนา
1. องค์ประกอบของศาสนา ได้แก่
1. ศาสดา : ผู้ประกาศและเผยแผ่ศาสนา
- พุทธ คือ พระสมณโคดมพุทธเจ้า หรือ พระศากยมุนีพุทธเจ้า
- พราหมณ์ฮินดู ไม่มีศาสดา
- อิสลาม คือ นบีมุฮัมมัด
- คริสต์ คือ พระเยซูคริสต์เจ้า
2. ศาสนธรรม : หลักธรรมหรือคัมภีร์ประจำศาสนา
- พุทธ คือ คัมภีร์พระไตรปิฎก
- พราหมณ์ฮินดู คือ คัมภีร์พระเวท
- อิสลาม คือ พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน
- คริสต์ คือ คัมภีร์ไบเบิล
3. ศาสนิกชน : สมาชิกผู้นับถือศาสนา แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ
3.1 ระดับพระสงฆ์หรือนักบวช
- พุทธ เรียกว่า พระภิกษุสงฆ์ สามเณร
- พราหมณ์ฮินดู เรียกว่า พราหมณ์
- อิสลาม ที่จริงแล้วไม่มีนักบวช จะมีแต่ครูหรือผู้สอนศาสนา เช่น โต๊ะอิหม่าม โต๊ะครู
- คริสต์ เรียกว่า บาทหลวง คุณพ่อ (Father) ภราดา (Brother) แม่ชี (Sister)
3.2 ระดับฆราวาส
4. ศาสนพิธี : พิธีกรรมประจำศาสนา
- พุทธ เช่น พิธีตักบาตร พิธีเวียนเทียน
- พราหมณ์ฮินดู เช่น พิธีบูชาไฟ พิธีบูชายัญ
- อิสลาม เช่น พิธีละหมาด พิธีถือศีลอด
- คริสต์ เช่น พิธีมิสซา พิธีรับศีลล้างบาป
5. ศาสนสถาน : สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
- พุทธ เช่น วัด สำนักสงฆ์
- พราหมณ์ฮินดู เช่น เทวสถาน
- อิสลาม เช่น มัสยิดหรือสุเหร่า
- คริสต์ เช่น คริสตจักร
6. ศาสนสัญลักษณ์ : สัญลักษณ์ประจำศาสนา
- พุทธ เช่น กงล้อธรรมจักร
- พราหมณ์ฮินดู เช่น ตัวอักษรโอม และ ตรีศูล
- อิสลาม เช่น พระจันทร์เสี้ยวกับดวงดาว
- คริสต์ เช่น ไม้กางเขน
2. ประเภทของศาสนา แบ่งตามความเชื่อเรื่องพระเจ้า แบ่งได้ 2 ประเภท คือ
2.1 เทวนิยม : นับถือพระเจ้า แบ่งย่อยได้อีก 2 ประเภท คือ
1. เอกเทวนิยม คือ นับถือพระเจ้าองค์เดียว เช่น ศาสนายิว , คริสต์ และอิสลาม
2. พหุเทวนิยม คือ นับถือพระเจ้าหลายองค์ เช่น ศาสนาพราหมณ์ฮินดู
2.2 อเทวนิยม คือ ไม่นับถือพระเจ้า แต่เชื่อในเรื่องกรรมหรือการกระทำของตัวเอง เช่น พระพุทธศาสนา , ศาสนาเชน (ในอินเดีย) และลัทธิขงจื๊อ
สรุปย่อหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 : พระพุทธศาสนา
เรื่องที่ 1 : ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
1. ประเภทศาสนา : แบบ อเทวนิยม ไม่นับถือพระเจ้า เน้นเชื่อในเรื่องกรรมของตนเอง
2. พระเจ้า : ไม่มี
3. ศาสดา : พระสมณโคดมพุทธเจ้า หรือ พระศากยมุนีพุทธเจ้า
4. คัมภีร์ : พระไตรปิฎก ซึ่งประกอบด้วย 3 ปิฎก (3 หมวด) คือ
1) พระวินัยปิฎก เกี่ยวกับ ระเบียบวินัย ศีล สิกขาบท ของพระภิกษุสามเณร (พระภิกษุถือศีล 227 ข้อ สามเณรถือศีล 10 ข้อ)
2) พระสุตตันตปิฎก (พระสูตร) เกี่ยวกับ เทศนาธรรมของพระพุทธเจ้าโดยมีเรื่องราว มีคน มีสถานที่ *ไม่ใช่หลักธรรมล้วนๆ *
3) พระอภิธรรมปิฎก เกี่ยวกับ หลักธรรมล้วน ๆ ไม่มีเรื่องราว ไม่มีคน ไม่มีสถานที่
5. นิกาย : มี 2 นิกายสำคัญ
5.1 นิกายเถรวาท (หินยาน) : ลักษณะเด่นคือ
1. เคร่งครัดในพระวินัยและสิกขาบทต่าง ๆ ไม่แก้ไขพระวินัยข้อใดเลย
2. รักษาและถ่ายทอดพระไตรปิฎกดั้งเดิมอย่างเคร่งครัด ไม่ตัดต่อแต่งเติมพระไตรปิฎก แต่อย่างใด
3. นับถือพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์แต่เพียงแค่องค์เดียว (คือ พระสมณโคดมพุทธเจ้า)
4. เน้นปฏิบัติธรรมช่วยเหลือตนเองให้พ้นทุกข์ ก่อนช่วยเหลือคนอื่น
5. แพร่หลายในประเทศ ไทย ศรีลังกา พม่า ลาว กัมพูชา
6. พิเศษเฉพาะนิกายเถรวาทในไทย จะมีแบ่งย่อยเถรวาทในไทยออกเป็นอีก 2 นิกายย่อย (แต่ล้วนเป็นเถรวาททั้งคู่) คือ
- มหานิกาย เช่น วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดอรุณราชวราราม วัดราชโอรสาราม วัดสุทัศนเทพวราราม วัดระฆังโฆสิตาราม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม วัดสระเกศ วัดชนะสงคราม วัดปากน้ำ วัดกัลยาณมิตร วัดไตรมิตรวิทยาราม ฯลฯ
- ธรรมยุติกนิกาย เช่น วัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดราชาธิวาส วัดบวรมงคล วัดมกุฏกษัตริยาราม วัดโสมนัสวิหาร วัดเทพศิรินทราวาส วัดบรมนิวาส วัดปทุมวนาราม วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร วัดพระรามเก้ากาญจนาภิเษก ฯลฯ
5.2 นิกายอาจาริยวาท (มหายาน) : ลักษณะเด่นคือ
1. มีการแก้ไขพระวินัยและสิกขาบท บางข้อ เช่น ฉันอาหารเย็นได้ , ใส่จีวรหลากหลายรูปแบบ หลากหลายสีสัน (บางนิกายย่อย พระมีเมีย มีลูกได้)
2. มีการแก้ไข ตัดต่อแต่งเติมพระไตรปิฎก โดยเฉพาะจะเน้นนับถือพระสูตรมาก และจะนิยมสวดมนต์สาธยายพระสูตร
3. นับถือพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์หลายองค์ เน้นสวดมนต์อ้อนวอนขอพรจากพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์เหล่านั้น เช่น พระอมิตาภะพุทธเจ้า , พระไภสัชคุรุพุทธเจ้า , พระไวโรจนะพุทธเจ้า , พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ (กวนอิม) , พระมัญชุศรีมหาโพธิสัตว์ , พระสมันตภัทรมหาโพธิสัตว์ และพระศรีอาริยเมตไตรยมหาโพธิสัตว์ เป็นต้น
4. เน้นปฏิบัติธรรมช่วยเหลือคนอื่นให้พ้นทุกข์ก่อนตนเอง (เน้นบำเพ็ญตนเป็นพระโพธิสัตว์)
5. แพร่หลายในประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม มองโกเลีย ภูฏาน ธิเบต
เรื่องที่ 2 : หลักธรรมสำคัญในพระพุทธศาสนา
1. อริยสัจ 4 : ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ * หัวใจแห่งพระพุทธศาสนา *
1) ทุกข์ : ผล : คือสภาวะทนได้ยาก ทุกข์ทรมาน ไม่สบายกายไม่สบายใจ
2) สมุทัย : เหตุ : คือเหตุแห่งทุกข์ อันได้แก่ ตัณหา (ความอยาก) นั่นเอง
3) นิโรธ : ผล : คือสภาวะดับทุกข์ หมดทุกข์ หรือ นิพพาน นั่นเอง
4) มรรค : เหตุ : คือเหตุแห่งดับทุกข์ หรือ วิธีดับทุกข์
* อริยสัจ 4 เป็นหลักธรรมที่ทำให้พระพุทธศาสนาได้รับการยกย่องว่า เป็นศาสนาที่มีเหตุมีผลมากที่สุด *
2. ขันธ์ 5 : องค์ประกอบแห่งชีวิตมนุษย์ 5 ประการ คือ
1) รูป (รูปธรรม) คือ รูปร่างร่างกายของมนุษย์อันประกอบไปด้วยธาตุ 4 คือ ดิน (เนื้อหนังมังสา กระดูกของร่างกายเรา) น้ำ (เลือด น้ำหนอง น้ำลาย ในร่างกาย) ลม (แก๊สในร่างกาย ในกระเพาะอาหาร) ไฟ (อุณหภูมิความร้อนของร่างกาย)
2) เวทนา (นามธรรม) คือ ความรู้สึก มี 3 ประเภท คือ 1.รู้สึกสุข 2.รู้สึกทุกข์ 3.รู้สึกเฉย ๆ ไม่สุขไม่ทุกข์
3) สัญญา (นามธรรม) คือ ความจำได้หมายรู้ กำหนดรู้สิ่งต่าง ๆ ได้โดยไม่หลงลืม 4) สังขาร (นามธรรม) คือ ความคิด ที่จะปรุงแต่งจิตให้กระทำสิ่งต่าง ๆ
5) วิญญาณ (นามธรรม) คือ อารมณ์การรับรู้ของจิต ผ่านทางช่องทางการรับรู้ทั้ง 6 (อายตนะ 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) ไม่ใช่ภูติผีปีศาจใดใดทั้งสิ้น
3. ไตรสิกขาหรืออริยมรรค 8 ประการ : การฝึกฝนอบรมตนเอง 3 ขั้น ซึ่งจะตรงกับอริยมรรค 8 ประการดังนี้
1) ศีลสิกขา : การอบรมกาย วาจา ให้สงบเรียบร้อย เป็นปรกติ ได้แก่
- สัมมากัมมันตะ คือ กระทำชอบ ทำแต่ความดี ทำแต่สิ่งที่สุจริต
- สัมมาวาจา คือ วาจาชอบ พูดชอบ พูดแต่สิ่งดี ๆ
- สัมมาอาชีวะ คือ เลี้ยงชีพชอบ ประกอบอาชีพสุจริต
2) สมาธิสิกขาหรือจิตสิกขา : การอบรมจิต ให้สงบเรียบร้อย เป็นปรกติ ได้แก่
- สัมมาสมาธิ คือ จิตตั้งมั่นชอบ จิตสงบไม่ฟุ้งซ่าน
- สัมมาสติ คือ ระลึกรู้ตัวชอบ ไม่หลงใหล
- สัมมาวายามะ คือ เพียรระวังตนชอบ ไม่ให้ทำความชั่วและหมั่นรักษาความดีให้ดียิ่งขึ้น
3) ปัญญาสิกขา : การอบรมปัญญา ให้เกิดความรู้แจ้ง ได้แก่
- สัมมาสังกัปปะ คือ คิดชอบ คิดแต่สิ่งดีสุจริต
- สัมมาทิฏฐิ คือ มีความเห็นชอบ มีความคิดเห็นถูกต้องตามทำนองคลองธรรมตามหลักศาสนา พุทธ เช่น เชื่อในอริยสัจ 4 เชื่อในกฎแห่งกรรมว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เชื่อในสังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิด
* ไตรสิกขาพัฒนามาจากอริยมรรค ๘ ถือเป็นหลักธรรมเรื่องเดียวกัน *
4. ไตรลักษณ์ (สามัญญลักษณ์) : ลักษณะสามัญของสรรพสิ่งทั้งหลายบนโลกทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิต จะเป็นไปตามกฎ 3 ประการนี้ คือ
1) อนิจจัง : สรรพสิ่งล้วนไม่เที่ยงแท้ไม่แน่นอน ล้วนต้องมีการเปลี่ยนแปลง
2) ทุกขัง : สรรพสิ่งล้วนทนได้ยาก เป็นทุกข์ทรมาน
3) อนัตตา : สรรพสิ่งล้วนไม่มีตัวตน เราควบคุมมันไม่ได้
* อนัตตาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของพุทธ และตรงข้ามกับอาตมัน(อัตตา) ของศาสนาพราหมณ์ - ฮินดูมากที่สุด *
5. โอวาทปาฏิโมกข์ : หลักธรรมสำคัญอีกประการหนึ่งในพระพุทธศาสนา ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทรงเทศนาในวันมาฆบูชา (วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3)
1) ทำแต่ความดี
2) ละเว้นความชั่ว
3) ทำจิตให้บริสุทธ์ผ่องใส
6. พรหมวิหาร 4 : ธรรมสำหรับผู้เป็นพรหม หรือผู้เป็นใหญ่เป็นโตเป็นที่พึ่งพิงของผู้อื่น
1) เมตตา : ปรารถนาให้ผู้อื่นมีสุข
2) กรุณา : ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
3) มุทิตา : ยินดีเมื่อผู้อื่นมีสุข
4) อุเบกขา : วางเฉยเสีย ไม่ยินดียินร้าย
7. กรรมนิยาม 12 : กฎแห่งกรรมหรือแห่งการกระทำ ซึ่งกรรมตามหลักพระพุทธศาสนา จะต้องเป็นการ กระทำที่ประกอบด้วย เจตนาเท่านั้น การกระทำใดไม่มีเจตนาไม่จัดว่าเป็นกรรม เป็นแต่เพียง กริยา เท่านั้น คือเป็นแค่การเคลื่อนไหวของร่างกาย ไม่มีผลทางจริยธรรม กรรมในทางพระพุทธศาสนา แบ่งตามเกณฑ์เกี่ยวกับการให้ผลของกรรมนั้น แบ่งได้เป็น 3 หมวด 12 ประเภท ดังนี้
7.1 ปากกาลกรรม : กรรมที่ให้ผลตามกาลเวลา มี 4 ประเภท คือ
7.1.1 ทิฏฐธัมมเวทนียกรรม : กรรมที่ให้ผลทันทีทันใด หรือให้ผลในชาตินี้
7.1.2 อุปัชชเวทนียกรรม : กรรมที่ให้ผลในกาลข้างหน้า หรือให้ผลในชาติหน้า
7.1.3 อปราปรเวทนียกรรม : กรรมที่ให้ผลในระยะเวลานานข้างหน้า หรือให้ผลในชาติต่อ ๆ ไป
7.1.4 อโหสิกรรม : กรรมที่ยกเลิก ไม่มีผลอีก หรือให้ผลเสร็จแล้ว
7.2 กิจกรรม : กรรมที่ให้ผลตามหน้าที่ที่ให้ผล มี 4 ประเภท คือ
7.2.1 ชนกกรรม : กรรมที่ชักนำให้ไปเกิดใหม่ เมื่อสิ้นชีวิตจากจากภพนี้
7.2.2 อุปัตถัมภกกรรม : กรรมที่เข้าสนับสนุนหรือซ้ำเติม ต่อจากชนกกรรม
7.2.3 อุปปีฬกกรรม : กรรมที่เข้ามาบรรเทาหรือหันเหทิศทาง ทำให้ไม่ดีเต็มที่หรือไม่ให้เลวเต็มที่
7.2.4 อุปฆาตกกรรม : กรรมตัดรอน ที่มีกำลังแรงเข้าไปตัดรอนการให้ผลของกรรมอื่น ๆ และให้ผลชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ
7.3 ปากทานปริยายกรรม : กรรมที่ให้ผลตามลำดับความรุนแรง มี 4 ประเภท คือ
7.3.1 ครุกรรม : กรรมหนัก จะให้ผลก่อนกรรมอื่น ๆ
7.3.2 พหุลกรรม หรือ อาจิณกรรม : กรรมที่ทำบ่อย ๆ จนเคยชิน ถ้าไม่มีชนกกรรม กรรมชนิดนี้จะให้ผลก่อน
7.3.3 อาสันนกรรม : กรรมที่ทำเมื่อใกล้ตาย ถ้าไม่มีกรรมสองข้อแรก กรรมชนิดนี้จะให้ผลก่อน
7.3.4 กตัตตากรรม : กรรมอ่อน ๆ หรือกรรมสักแต่ว่าทำ กรรมชนิดนี้จะให้ผลก็ต่อเมื่อไม่มีกรรมอื่นแล้ว
8. เป้าหมายชีวิตสูงสุดของพระพุทธศาสนา คือ พระนิพพาน (สภาวะดับทุกข์ ดับกิเลส)
เรื่องที่ 4 : ความสำคัญของพระพุทธศาสนา
1. พระพุทธศาสนามีทฤษฎีและวิธีการที่เป็นสากล คือมีหลักธรรมคำสั่งสอนที่เป็นความจริง เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า ถูกต้อง เป็นจริง พิสูจน์และเชื่อถือได้
2.มีหลักปฏิบัติที่ยึดทางสายกลาง ไม่เคร่งครัดจนเกินไปและไม่ย่อหย่อนจนเกินไป
3. เน้นฝึกฝนตนเองไม่ให้ประมาท
4. เน้นสอนว่าปัญหาต่าง ๆ ล้วนมีสาเหตุ มิได้เกิดขึ้นลอย ๆ
5. เน้นสอนให้มนุษย์แก้ปัญหาด้วยตนเอง
6. มุ่งแสวงหาประโยชน์สุขแก่ตนเอง แก่สังคม และแก่โลก
7. เน้นให้มนุษย์ฝึกฝนตนเองเพื่อมุ่งสู่อิสรภาพ
สรุปย่อหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 : ศาสนาสำคัญในสังคมไทย
ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู
1. ประเภทพหุเทวนิยม นับถือพระเจ้าหลายองค์ เช่น พระศิวะ พระวิษณุ พระพรหม พระอุมา พระลักษมี พระสุรัสวดี พระพิฆเณศร พระรามจันทร์ พระกฤษณะ พระอินทร์ พระอัคนี พระคงคา และอีกมากมาย
2. พระเจ้า : มีสูงสุด 3 พระองค์ (ตรีมูรติ) คือ พระศิวะ พระวิษณุ พระพรหม
3. ศาสดา : ไม่มี
4. คัมภีร์ : คัมภีร์พระเวท แบ่งเป็น 4 เล่ม คือ ฤคเวท ยชุรเวท ไตรเวท อาถรรพเวท
5. นิกาย : มี 3 นิกายสำคัญ คือ
5.1 นิกายไศวะ : นับถือพระศิวะ(พระอิศวร) เป็นพระเจ้าสูงสุดในตรีมูรติ และนิยมบูชาศิวลึงค์เป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระศิวะ
5.2 นิกายไวษณพ : นับถือพระวิษณุ(พระนารายณ์) เป็นพระเจ้าสูงสุดในตรีมูรติ และนิยมบูชาองค์อวตารปางต่าง ๆ ของ พระวิษณุ ที่อวตารลงมาปราบอสูร เช่น พระรามจันทร์ พระกฤษณะ พระกัลกี เป็นต้น
5.3 นิกายศักติ : นับถือพระชายาของพระเจ้าองค์ต่าง ๆ ว่าทรงไว้ซึ่งศักติ(พลังหรืออำนาจ)แห่ง พระสวามี และมนุษย์สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า ขอพรได้ง่ายกว่าศักติหรือพระชายาพระเจ้าที่เป็นที่นับถือ เช่น
- พระอุมา ชายาของพระศิวะ ซึ่งมีอิทธิฤทธิ์ สามารถอวตารเป็น พระนางทุรคา พระนางกาลี
เพื่อไป ปราบอสูร
- พระลักษมี ชายาของพระวิษณุ (ได้รับยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ)
- พระสุรัสวดี ชายาของพระพรหม (ได้รับยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งอักษรศาสตร์
และศิลปวิทยาการต่าง ๆ เพราะเป็นผู้ประดิษฐ์ตัวอักษรเทวนาครี)
* ปัจจุบันในประเทศอินเดีย ไม่นิยมบูชาพระพรหม จึงไม่มีนิกายพรหม *
6. หลักธรรมสำคัญ :
6.1 หลักปรมาตมัน - อาตมัน และ โมกษะ ถือเป็นหลักธรรมชั้นสูงของศาสนาพราหมณ์ฮินดู
1. ปรมาตมัน คือ วิญญาณสูงสุดหรือพระเจ้าสูงสุด ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของชีวิตทั้งหลาย
2. อาตมัน คือ วิญญาณย่อย อันเป็นอมตะไม่มีวันแตกดับ อยู่ในร่างกายมนุษย์ทั้งหลาย เวลามนุษย์ ตายจะตายแต่เพียงร่างกาย แต่อาตมัน จะเป็นอมตะไม่มีวันแตกดับ ซึ่งอาตมันจะต้องเวียนว่าย ตายเกิดไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะบรรลุโมกษะ
3. โมกษะ คือ สภาวะแห่งการหลุดพ้น อาตมันของมนุษย์แต่ละคน จะได้กลับไปรวมกับปรมาตมัน และไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกเลย
6.2 หลักตรีมูรติ : พระเจ้าสูงสุดมี 3 พระองค์ และต่างทำหน้าที่ต่อโลกต่างกันไป คือ
1. พระพรหม หน้าที่สร้างโลกสร้างมนุษย์ ชาวฮินดูเชื่อว่าเมื่อพระพรหมสร้างโลกแล้วจะนอนหลับ พักผ่อนชั่วกัปชั่วกัลป์ ชั่วอายุขัยของโลก และจะตื่นขึ้นมาใหม่เพื่อสร้างโลกสร้างมนุษย์ เมื่อโลกและ มนุษย์หมดอายุขัยถูกทำลายล้างแล้ว (ทำให้ชาวฮินดูในประเทศอินเดียไม่นิยมบูชาพระพรหม แต่จะ นิยมบูชาพระศิวะและพระวิษณุมากกว่า)
2. พระศิวะ (พระอิศวร) หน้าที่ทำลายโลก ด้วย “ตรีเนตร” ดวงตาที่สามของพระศิวะ ซึ่งสถิตอยู่กลาง หน้าผากของพระศิวะ
3. พระวิษณุ (พระนารายณ์) หน้าที่คุ้มครองโลก ด้วยการอวตารลงมาปราบยักษ์ปราบมาร
6.3 หลักอาศรม ๔ : วัยแห่งชีวิต 4 วัย ซึ่งแต่ละวัยจะมีหน้าที่เฉพาะของวัยตนเอง
1. พรหมจารี : วัยเด็ก หน้าที่คือ เรียนหนังสือหาความรู้ และศึกษาเล่าเรียนคัมภีร์พระเวท เพื่อจะได้นำความรู้ไปใช้ทำงานหาเลี้ยงตนเองและครอบครัวต่อไป
2. คฤหัสถ์ : วัยผู้ใหญ่ หน้าที่คือ ครองเรือน แต่งงานมีครอบครัวสืบทอดวงศ์ตระกูล และทำงานหาเลี้ยงครอบครัวให้สมบูรณ์
3. วานปรัสถ์ : วัยกลางคน หน้าที่คือ ทำงานช่วยเหลือสังคมช่วยเหลือผู้อื่นในสังคม และหมั่น ปฏิบัติธรรมให้มากขึ้น เพื่อเตรียมเข้าสู่อาศรมสุดท้ายของชีวิต
4. สันยาสี : วัยชรา หน้าที่คือ ออกบวชสละชีวิตทางโลก ไปอยู่ตามป่าตามเขา บำเพ็ญตบะ โยคะ เพื่อแสวงหาโมกษะ
6.4 หลักวรรณะ ๔ : มนุษย์มี 4 ชนชั้นเพราะเกิดจากพระพรหมสร้างขึ้นมาจากอวัยวะของพระพรหมที่ แตกต่างกัน ดังนั้นจึงมีอาชีพที่ต่างกัน
1. วรรณะพราหมณ์ เกิดจาก ปาก ของพระพรหม , อาชีพคือ เป็นนักบวชท่องบ่นสวดมนต์คัมภีร์พระเวทและเป็นครูอาจารย์สั่งสอนคัมภีร์แก่วรรณะอื่น ๆ
2. วรรณะกษัตริย์ เกิดจาก มือ ของพระพรหม , อาชีพคือ เป็นนักรบนักปกครอง คอยคุ้มครองคนดีและปราบปรามคนชั่ว
3. วรรณะไวศยะ(แพศย์) เกิดจาก หน้าท้อง ของพระพรหม , อาชีพคือ เป็นพ่อค้าวานิชและเกษตรกร ชาวไร่ชาวนา
4. วรรณะศูทร เกิดจาก เท้า ของพระพรหม , อาชีพคือ เป็นกรรมกรผู้ใช้แรงงาน คอยทำงานรับใช้วรรณะทั้ง 3
* จัณฑาล คือ คนที่ไม่มีวรรณะ ต่ำต้อยและเป็นที่รังเกียจที่สุดในสังคมฮินดู
เกิดจากพ่อแม่ที่แต่งงานข้ามวรรณะ โดยเฉพาะแม่เป็นวรรณะพราหมณ์ พ่อเป็นวรรณะศูทร *
7. เป้าหมายชีวิตของศาสนาฮินดู : โมกษะ
สรุปย่อศาสนาคริสต์
1. ประเภทเอกเทวนิยม นับถือพระเจ้าองค์เดียว
2. พระเจ้า : พระยะโฮวา (และนับถือรวมไปถึงพระเยซูคริสต์ว่าเป็นภาคหนึ่งของพระเจ้าด้วย)
3. ศาสดา : พระเยซูคริสต์ * เป็นทั้งศาสดาและภาคหนึ่งของพระเจ้า *
4. คัมภีร์ : คัมภีร์ไบเบิล ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ภาค คือ
1) ภาคพันธสัญญาเดิม เป็นคัมภีร์สำคัญของศาสนายูดาย(หรือศาสนายิว)ด้วย ว่าด้วยเรื่องพระเจ้า สร้างโลกและสร้างมนุษย์คู่แรก(อาดัมและเอวา) เรื่องโนอาต่อเรือหนีน้ำท่วมโลก เรื่องโมเสสนำชาวยิวอพยพออกจากอียิปต์
2) ภาคพันธสัญญาใหม่ เป็นคำสอนของพระเยซู โดยเฉพาะ ว่าด้วยเรื่องความรักของพระเจ้าต่อมนุษย์ และสอนให้มนุษย์รักซึ่งกันและกัน ให้อภัยต่อกันและกัน
5. นิกาย : มี 3 นิกายสำคัญ
5.1 นิกายโรมันคาธอลิค (คนไทยเรียก "คริสตัง")
1. นับถือพระสันตะปาปา(Pope) เป็นประมุขของคริสตจักร และมีนักบวช (เช่น บาทหลวง บราเดอร์ ซิสเตอร์)
2. เน้นบูชาสวดมนต์ต่อแม่พระมารีอา และต่อบรรดานักบุญ(Saint) ทั้งหลาย
3. มีพิธีกรรมหรูหราหลายขั้นตอน โบสถ์ตกแต่งสวยงามหรูหรา และยอมรับปฏิบัติตามศีล 7 ประเภท (คือ ศีลล้างบาป , ศีลกำลัง , ศีลแก้บาป , ศีลมหาสนิท ,ศีลสมรส , ศีลเจิมคนป่วย และศีลบวชเป็นบาทหลวง)
4. ไม้กางเขนมีองค์พระเยซูตรึงอยู่กลางไม้กางเขน
5. แพร่หลายในยุโรปใต้ เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน โปรตุเกส และในทวีปอเมริกาใต้ เช่น บราซิล อาร์เจนตินา
5.2 นิกายโปรแตสแตนท์ (คนไทยเรียก "คริสเตียน")
1. ไม่มีนักบวช (มีแต่ ศาสนจารย์) และไม่นับถือพระสันตะปาปา(Pope) เป็นประมุข 2. ไม่บูชานับถือแม่พระมารีอา ไม่นับถือนักบุญ(Saint)
* บูชานับถือเฉพาะแต่พระเยซูคริสต์เท่านั้น *
3. เน้นพิธีกรรมที่เรียบง่าย โบสถ์ตกแต่งเรียบง่าย และยอมรับปฏิบัติตามศีลเพียงแค่ 2 ประเภท เท่านั้น คือ 1. ศีลล้างบาป(หรือศีลจุ่ม) และ 2. ศีลมหาสนิท(พิธีกินขนมปังและดื่มไวน์)
4. ไม้กางเขนไม่มีองค์พระเยซูตรึงอยู่กลางไม้กางเขน เป็นไม้กางเขนเปล่า ๆ
5. แพร่หลายในยุโรปตะวันตกและยุโรปเหนือ เช่น เยอรมนี อังกฤษ เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
5.3 นิกายออร์โธดอกซ์
1. มีนักบวช แต่ไม่นับถือพระสันตะปาปา(Pope) เป็นประมุข (ในแต่ละประเทศจะมีพระสังฆราช ที่เรียกว่า “Pratriach” เป็นประมุขประเทศใครประเทศมัน)
2. เน้นบูชานับถือแม่พระมารีอาและนักบุญทั้งหลาย
3. มีพิธีกรรมหรูหรา หลายขั้นตอน
4. แพร่หลายในยุโรปตะวันออก เช่น รัสเซีย กรีก โรมาเนีย (ไม่แพร่หลายในไทย)
6. หลักธรรมสำคัญ :
6.1 หลักความรัก * หัวใจแห่งศาสนาคริสต์ * มี 2 ระดับ คือ
1.ระดับสูง : ความรักระหว่างพระเจ้าต่อมนุษย์ (พระเจ้าทรงรักมนุษย์มาก)
2.ระดับล่าง : ความรักระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ด้วยกันเอง มนุษย์ต้องรักกันเพราะเป็นพี่น้องกันทั้งโลก (เพราะมนุษย์เกิดจากบรรพบุรุษร่วมกันคือ อาดัมและเอวา)
6.2 หลักตรีเอกานุภาพ(Trinity) เชื่อว่าพระเจ้าสูงสุดมีเพียงองค์เดียว แต่ได้ทรงแบ่งภาคออกเป็น 3 ภาค คือ
1. พระบิดา คือ พระยะโฮวา ซึ่งเป็นพระผู้สถิตอยู่ในสรวงสวรรค์ เป็นผู้สร้างโลก สร้างมนุษย์ขึ้นมา
2. พระบุตร คือ พระเยซูคริสต์ ซึ่งเสด็จลงมาเกิดในโลกมนุษย์ เพื่อไถ่บาปให้กับมนุษย์
3. พระจิต(พระวิญญาณบริสุทธิ์) คือ ภาคของพระเจ้าซึ่งสถิตอยู่ในทุกที่ ทรงล่วงรู้ความเป็นไปทุกอย่างของมนุษย์
6.3 หลักอาณาจักรพระเจ้า มี 2 ระดับ
1. ระดับโลกนี้ ซึ่งมนุษย์สามารถเข้าถึงได้ในชาตินี้ คือ โบสถ์หรือคริสตจักร นั่นเอง
2. ระดับโลกหน้า ซึ่งมนุษย์จะเข้าถึงได้ในโลกหลังความตาย คือ สวรรค์ของพระเจ้า ที่ซี่งมนุษย์จะมี ชีวิตเป็นนิรันดร มีแต่ความสุข และไม่ต้องตายอีกเลย
* ศาสนาคริสต์ไม่เชื่อเรื่องการเวียนตายเกิด ไม่มีชาติที่แล้ว ไม่มีชาติหน้า มนุษย์เกิดหนเดียวตายหนเดียว *
6.4 หลักบาปกำเนิด
1. มนุษย์มีบาปกำเนิดติดตัว บาปนี้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษคู่แรกของมนุษย์คือ อาดัมและเอวา ที่ได้ทำบาปครั้งแรกเอาไว้ คือเด็ดผลไม้แห่งความรู้สำนึกดีชั่วของพระเจ้ามากิน
2. ชาวคริสต์ทุกคนทุกนิกาย จึงต้องรับศีลล้างบาป(ศีลจุ่ม) เพื่อล้างบาปกำเนิด เป็นศีลแรกของชีวิต
7. เป้าหมายชีวิตของศาสนาคริสต์ : อาณาจักรพระเจ้า , การได้มีชีวิตนิรันดรอยู่ในอาณาจักรพระเจ้า
สรุปย่อศาสนาอิสลาม
1. ประเภทเอกเทวนิยม นับถือพระเจ้าองค์เดียว
* ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่ไม่มีนักบวช และไม่มีรูปเคารพ ไม่มีเครื่องรางของขลังใดใด *
2. พระเจ้า : พระอัลลอฮ
3. ศาสดา : นบีมูฮัมหมัด
4. คัมภีร์ : คัมภีร์อัลกุรอาน
5. นิกาย : มี 3 นิกายสำคัญ
5.1 นิกายซุนนี
1. ยึดมั่นและปฏิบัติตามจารีตการดำเนินชีวิต (ซุนนะ) ของนบีมูฮัมหมัดอย่างเคร่งครัด
2. ยอมรับผู้นำศาสนาว่ามีแค่ 4 คน หลังจากนบีมูฮัมหมัดสิ้นพระชนม์ (คือ 1. ท่านอบูบักร 2. ท่านอุมัร 3. ท่านอุสมาน และ 4. ท่านอาลี)
3. แพร่หลายมากที่สุด มุสลิมส่วนใหญ่ทั่วโลกนับถือนิกายนี้ (รวมถึงมุสลิมในไทยส่วนใหญ่ ก็นับถือ นิกายนี้ด้วย)
5.2 นิกายชีอะห์
1. นับถือท่านอาลีและลูกหลานของท่านอาลี ว่าเป็นผู้นำศาสนาที่ถูกต้อง (เพราะท่านอาลีเป็นทั้งบุตรบุญธรรมและบุตรเขยของนบีมูฮัมหมัด)
2. แพร่หลายใน อิหร่าน อิรัก เยเมน เป็นต้น
5.3 นิกายวาฮาบีย์
1. เป็นนิกายใหม่ล่าสุดในศาสนาอิสลาม
2. เน้นความสำคัญและความศักดิ์สิทธิ์ของคัมภีร์อัลกุรอาน มาก ๆ คือ ห้ามตีความและห้ามแก้ไข คัมภีร์อัลกุรอาน
3. แพร่หลายใน ซาอุดีอาระเบีย คูเวต เป็นต้น
6. หลักธรรมสำคัญ :
6.1 หลักศรัทธา ๖ ประการ มุสลิมต้องศรัทธาใน 6 สิ่งนี้ว่ามีจริง
1. ศรัทธาใน พระอัลลอฮ ว่ามีจริง และทรงเป็นพระเจ้าสูงสุดแต่เพียงองค์เดียว
2. ศรัทธาใน ศาสดา(นบีหรือรอซูล) ทั้งหลาย ซึ่งมีหลายท่าน เช่น นบีอาดัม นบีอิบรอฮีม(อับบราฮัม) นบีมูซา(โมเสส) นบีอีซา(พระเยซู) และนบีมูฮัมหมัด ซึ่งเป็นนบีคนสุดท้าย
3. ศรัทธาใน คัมภีร์ ทั้งหลาย ซึ่งมีหลายเล่ม เช่น พระคัมภีร์เดิมของศาสนายูดาย พระคัมภีร์ไบเบิล ของศาสนาคริสต์ และพระคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งเป็นคัมภีร์สุดท้ายที่พระอัลลอฮ ประทานให้มนุษย์
4. ศรัทธาใน เทวฑูต(มลาอีกะห์) ซึ่งเป็นเทพบริวารของพระอัลลอฮ
5. ศรัทธาใน วันพิพากษาโลก(วันกียามะห์) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของโลกและมนุษย์ ที่พระอัลลอฮ
จะทรงพิพากษาการกระทำของมนุษย์ทั้งหลาย
6. ศรัทธาใน กฎสภาวะแห่งพระอัลลอฮ ซึ่งได้ทรงกำหนดไว้ให้มนุษย์ยอมรับกฎเหล่านี้ เช่น กฎธรรมชาติที่โลกจะต้องมีฤดูกาลต่าง ๆ หรือกฎแห่งกรรม ถ้าทำดี พระอัลลอฮ จะทรงอวยพรให้ แต่ถ้าทำชั่วพระอัลลอฮ จะทรงลงโทษ
6.2 หลักปฏิบัติ ๕ ประการ มุสลิมต้องปฏิบัติใน 5 สิ่งนี้ อย่างเคร่งครัด คือ
1. การปฏิญาณตน มุสลิมจะต้องปฏิญาณตนว่ามีพระอัลลอฮ เป็นพระเจ้าสูงสุดแต่เพียงองค์เดียว
2. การละหมาด คือการนมัสการและแสดงความนอบน้อมต่อพระอัลลอฮ ซึ่งมุสลิมที่เคร่งครัดและ มี เวลาจะละหมาดวันละ 5 ครั้ง
3. การถือศีลอด ในเดือนศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมทั่วโลก คือเดือนรอมฎอน โดยมุสลิมจะอดอาหารและน้ำในเวลาพระอาทิตย์ขึ้นยันพระอาทิตย์ตกดิน เพื่อฝึกให้รู้จักรสชาดความอดอยากหิวโหย และจะได้ช่วยเหลือคนยากจน
4. การบริจาคซะกาต เพื่อให้คนรวยได้ช่วยเหลือคนยากจน
5. การประกอบพิธีฮัจญ์ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอารเบีย หลักปฏิบัตินี้เป็นหลักปฏิบัติที่เคร่งครัดน้อยที่สุด เพราะไม่ต้องทำทุกคน ให้ทำได้เฉพาะมุสลิมที่มีความพร้อมเท่านั้น
* ศาสนาอิสลามไม่เชื่อเรื่องการเวียนตายเกิด ไม่มีชาติที่แล้ว ไม่มีชาติหน้ามนุษย์เกิดหนเดียวตายหนเดียว *
7. เป้าหมายชีวิตของศาสนาอิสลาม : การเข้าถึงพระอัลลอฮ
เลิศ จร้า
ตอบลบอ.จวง
ดีครับ ขอบคุณจริง ๆ ครับ แต่ผมอยากให้ปรับเปลื่อนรูปแบบอีกนิดนะครับ ขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณมากเลยนะคะ ^_^
ตอบลบขอบคุนจ้าาา
ตอบลบแน่ใจนะว่าย่อ
ตอบลบก็ดีมั้ยละ
ลบ